Relative Pronouns เป็นคำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามข้างหน้า และยังสามารถทำหน้าที่เชื่อมประโยคเข้าด้วยกันได้ด้วย
- เมื่อใช้ Relative Pronouns ใน Defining Relative Clauses. ได้แก่
ประธาน | กรรม | เจ้าของ | |
คน | ใคร ว่า | ใคร ว่า | ใคร |
สัตว์, สิ่งของ | ที่,
ที่ |
ที่,
ที่ |
ใคร
ของ ที่ |
ตัวอย่าง
1.1 ใช้กับคน (For Person)
WHO / ที่ประธาน
เขา เป็น คน ที่ ช่วย พระเอก ที่ ท้าย ของ ภาพยนตร์
เขาคือชายผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพระเอกในตอนจบของเรื่อง
คน ที่ ขโมย ของ เงิน จะถูก เรียกว่า จอห์น
ชายคนที่ลักขโมยเงินของคุณมีชื่อว่าจอห์น
WHO / ที่กรรม
คน ผู้ที่ คุณ ต้องการ คือ ไม่ได้ ที่นี่
= คน ที่ คุณ ต้องการ คือ ไม่ได้ ที่นี่
= คน ที่คุณ ต้องการ คือ ไม่ได้ ที่นี่
คนที่คุณต้องการพบไม่ได้อยู่ที่นี่
หมายเหตุ เมื่อคำนามนั้นทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เราสามารถละ (omit) คำสรรพนาม whom/that ได้
WHO/THAT ใช้ร่วมกับบุพบท (prepositions)
คน เพื่อ คนที่ ฉัน พูด ถูก เรียกว่า สมิ ธ
= คน ที่ ผม พูด จะ ถูก เรียกว่า สมิ ธ
= คน ที่ผม พูด จะ ถูก เรียกว่า สมิ ธ
ชายคนนี้ที่ฉันได้พูดกับเขาคือนายสมิท
สาว ๆ กับ คน ที่ฉันของ การทำงาน เป็น ที่ตั้งครรภ์
= สาว ๆ ที่ ผม ทำงาน กับ มี การตั้งครรภ์
= สาว ผม ทำงาน กับ มี การตั้งครรภ์
หญิงคนที่ฉันทำงานอยู่ด้วยท้องแก่
หมายเหตุ จะใช้ that แทน to whom, with whom ฯลฯ ก็ได้ แต่จะต้องนำเอา prepositions “to, with, etc.” วางไว้หลังคำว่า that นอกจากนั้นสามารถละ (omit) “whom, that” ได้ เพราะนามตัวนั้นทำหน้าที่เป็นกรรม
WHOSE เจ้าของ
นี้ เป็น คน ที่มี บ้าน เรา เพียงแค่ ซื้อ
นี้คือชายคนที่บ้านของเขาเราเพิ่งซื้อไป
ว่า เด็ก ที่มี ชื่อ ผม ได้ ลืม ลักษณะ เช่น คุณ
เด็กชายคนนั้นที่ชื่อของเขาฉันได้ลืมไปแล้วมีหน้าตาคล้ายกับคุณ
1.2 ใช้กับสัตว์หรือสิ่งของ (For things)
which / that ประธาน
นี้ เป็น บ้าน ที่ จับ ไฟ สุดท้าย อาจ
นี้คือบ้านหลังที่ถูกไฟไหม้เมื่อคืนที่แล้ว
หนังสือพิมพ์ ที่ เป็น ใน นิทาน เป็น เพื่อ ฉัน
หนังสือพิมพ์ฉบับที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นของฉัน
which / that กรรม
ปากกา ซึ่ง เขา ซื้อ เป็น ราคาแพง
= ปากกา ที่ เขา ซื้อ เป็น ราคาแพง
= ปากกา เขา ซื้อ เป็น ราคาแพง
ปากกาด้ามที่เขาซื้อมาแพง
หมายเหตุ เราสามารถละ (omit) “which/that” ได้ เมื่อทำหน้าที่กรรมของประโยค
WHOSE / ของ ที่ประธาน
สุนัข ที่มี ชื่อ เป็น จิม เสียชีวิต เมื่อวานนี้
สุนัขที่ชื่อของมันคือจิมได้ตายไปเมื่อวานนี้
เขา วิทยานิพนธ์ ของ ซึ่ง ที่ผ่านมา ร้อย หน้า เป็น ที่แน่นอน เรื่องไร้สาระ จะ ชนะ เขา จำนวนมาก ของ ความประพฤติ
ปริญญานิพนธ์ของเขาซึ่งร้อยหน้ากว่าสุดท้ายเหลวไหลสิ้นดีจะทำให้เขาเสียชื่อมาก
ข้อควรจำ ในกรณีต่อไปนี้ จะต้องใช้ that เสมอ
- หลังคำคุณศัพท์ขั้นสุด (Superlatives) เช่น
เขา เป็น เล็กที่สุด คน ที่ ผม ได้ เคย เห็น
เขาเป็นผู้ชายที่เล็กที่สุดเท่าที่ฉันได้เคยเห็นมา
- หลังคำแสดงลำดับที่ เช่น
เธอ เป็น แรก สาว ที่ สามารถ เขียน มัน อย่างถูกต้อง
เธอเป็นคนแรกที่สามารถเขียนได้ถูกต้อง
- หลังคำต่อไปนี้ต้องใช้ that เท่านั้น คือ
ทั้งหมด ทุกอย่าง ทุกคน ไม่มีอะไร ไม่มีใคร ไม่ ใด ๆ ไม่มี ไม่ มาก น้อย เพียง มาก
ตัวอย่าง
ฉัน มี อะไร ที่ จะ พอดีกับ คุณ
ฉันไม่มีตัวไหนที่จะพอดีกับคุณ
เขา เป็น เพียง คน ที่ คิด เช่นนั้น
เขาเป็นคนเดียวที่คิดเช่นนั้น
- เมื่อใช้ Relative Pronouns ใน Non – defining Relative Clauses.
Non – defining Relative Clauses. ต่างกับ Defining Relative Clauses. ดังนี้คือ
- Non – defining Relative Clauses. ไม่ได้ทำหน้าที่นิยามนาม แต่ทำหน้าที่เพิ่มข้อมูลหรือรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับนาม
- Non – defining Relative Clauses. จะมีเครื่องหมาย Commas ( ) คั่น เพื่อแยกส่วนที่ทำหน้าที่เพิ่มข้อมูลรายละเอียดนั้นออกตากนาม (Noun) ข้างหน้า
Relative Pronouns ใน Non – defining Relative Clauses ได้แก่
ประธาน | กรรม | เจ้าของ | |
คน | ใคร | ใคร | ใคร |
สิ่งของ, สัตว์ | ที่ | ที่ | ของ ที่
ใคร |
ตัวอย่าง
- ใช้กับคน (For persons)
WHO ประธาน
ฉัน สวน ที่ เป็น มาก ในแง่ร้าย กล่าว ว่า มี จะ ต้อง ไม่มี แอปเปิ้ล นี้ ปี
คนทำสวนของฉัน ผู้ซึ้งเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย พูดว่าปีนี้จะไม่มีแอปเปิล
WHOM กรรม
เขา นายจ้าง ซึ่ง เขา อย่างเต็มที่ ไม่ชอบ บอก ว่า เขา จะ ไม่ เหมาะ ที่จะ ทำงาน
นายจ้างของเขาผู้ซึ่งเขาไม่ชอบอย่างมาก พูดว่าเขาไม่เหมาะสมกับงาน
WHOM ใช้กับบุพบท
แมรี่ กับ คนที่ ผม ขับรถ กลับบ้าน เมื่อวานนี้ มี โรล ส์รอยซ์
แมรี่ คนที่ฉันขับรถไปบ้านเธอเมื่อวานนี้ มีรถยนต์โรสรอย
WHOSE เจ้าของ
รูสโซส์ มี ภาพวาดเป็น interresting เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว
รุสโซ ผู้ซึ่งภาพเขียนของเขาน่าสนใจ ได้ตายไปเมื่อปีที่แล้ว
- ใช้กับสัตว์หรือสิ่งของ ( For things )
WHICH ประธาน
ของเขา ใหม่ บ้าน ซึ่ง เป็น อย่างมาก มี ไม่ ทำงาน น้ำ
บ้านหลังใหม่ของเขาใหญ่มาก ไม่มีทางน้ำไหล
WHICH กรรม
ต้นไม้ ใกล้ บ้าน ทั้งหมดซึ่ง ผม ตั้งใจ ที่จะ ตัด ลง ได้รับการ ตี โดย ฟ้าผ่า สุดท้าย คืน
ต้นไม้ใกล้บ้าน ซึ่งฉันตั้งใจไว้ว่าจะตัดมันทิ้ง ได้ถูกฟ้าผ่าเมื่อคืนที่แล้ว
WHICH ใช้กับบุพบท (Prepositions)
นี้ เชอร์รี่ สำหรับ ที่ ผม จ่าย 25 . ดอลลาร์ รสชาติ ที่ดี
เหล้าองุ่นขาวที่ฉันได้จ่ายเงินซื้อไปด้วยราคา 25 ดอลลาร์ มีรสชาติดี
WHOSE, ของ ที่ เจ้าของ
(Whose ใช้กับสัตว์, Of which ใช้กับสิ่งของ)
ฉัน เลว, มี อารมณ์ คือ ความไม่แน่นอน มักจะ กัด ฉัน น้องสาว
สุนัขของฉันซึ่งมีอารมณ์ผันแปร มักจะกัดน้องสาวของฉัน
เขา วิทยานิพนธ์, ของ ที่ ที่ผ่านมา ร้อย หน้า จะมี เรื่องไร้สาระ จะ ถูก โยน ออกไป
ปริญญานิพนธ์ของเขา ซึ่งร้อยกว่าหน้าสุดท้ายของมันไร้สาระ จะถูกโยนทิ้งไป
Prefix
การเดาความหมายโดยวิธีแยกรากศัพท์
เราอาจแยกส่วนประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ยาวๆ ออกเป็น Prefix Root และ Suffix โดยที่ Prefix หมายถึง คำที่วางหน้าส่วน Root (รากศัพท์) แล้วทำให้เกิดความหมายหรือทำให้ความหมายของ Root นั้นเปลี่ยนไป โดยจะไม่เปลี่ยนหน้าที่ของรากศัพท์ ดังนั้นคำที่เกิดขึ้นใหม่ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เหมือนเดิมแต่มีความหมายเพิ่ม เติมหรือเปลี่ยนไป เช่น
– เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม
– เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ดีขึ้น แย่ลง
หรืออาจจะเติมหน้ารากศัพท์เพื่อ บอกทัศนคติ ตำแหน่งที่ตั้ง ลำดับที่ จำนวน ยกตัวอย่างเช่น
Re– = again : (อีกครั้ง)
Reuse = use again (นำกลับมาใช้อีกครั้ง)
Reload = load again (บรรจุอีกครั้ง)
Reheat = heat again (ร้อนอีกครั้ง)
Inter- = between : (ระหว่าง)
Interact = act in between (ปฏิกิริยาต่อกัน/ปฏิกิริยาระหว่างกัน)
. en- หรือ Em- + adj = จะทำให้: (ทำให้ … )
ตรวจสอบให้แน่ใจ = เพื่อให้แน่ใจว่า (ทำให้มั่นใจ)
ขยาย = เพื่อให้ขนาดใหญ่ (ทำให้ใหญ่)
en- หรือ Em- + N . หรือ v = จะใส่ลงไปหรือเมื่อ: (วางไว้ใน)
เป็นอันตรายต่อ = จะนำไปสู่อันตราย (ทำให้อยู่ในอันตราย)
Empanel = ที่จะใส่ในแผง (ทำให้คณะลูกขุนเข้าประจำที่)
Prefix ที่สำคัญมีดังนี้
- Prefixes ที่มีความหมายในเชิงปฏิเสธ “No” หรือ “Not” เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
un not unfair
in not inconvenient
im not impossible - Prefixes สถานที่ ตำแหน่ง (Placement) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
inter among international
ex out exclude
sub under subtitle - Prefixes ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเวลา(Time) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
pre first pre-school
pro for, before pro-America
post after post-graduate - Prefixes ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับจำนวนเลข(Number) เช่น
อุปสรรค ความหมาย ตัวอย่างคำ
tri three tri angular
uni one unify
ในภาษาอังกฤษ Prefix ที่ใช้กันมากและมักพบเห็นบ่อย ๆ มีอยู่ 10 ตัว คือ
- –Un (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
เช่น suitable เหมาะสม unsuitable ไม่เหมาะสม
countable นับได้ uncountable นับไม่ได้
- –Im (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
เช่น pure บริสุทธิ์ impure ไม่บริสุทธิ์
polite สุภาพ impolite ไม่สุภาพ
- –In (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมาย
direct ตรง indirect ไม่ตรง
expensive แพง inexpensive ไม่แพง
- –Re (อีก) ใช้สำหรับเติมหน้าคำกริยา (verb) หรือคำนามที่มาจากกริยาเท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “ทำอีก”
เช่น write เขียน rewrite เขียนใหม่
speak พูด respeak พูดอีก
- –Dis (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้ากริยา (verb) หรือเติมหน้าคุณศัพท์ (Adjective)
และเมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
like ชอบ dislike ไม่ชอบ
agree เห็นด้วย disagree ไม่เห็นด้วย
- –Mis (ผิด) ใช้สำหรับนำหน้าหรือเติมหน้าคำกริยา (verb) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้กริยาตัวนั้น มีความหมายว่า “กระทำผิด”
เช่น write เขียน miswrite เขียนผิด
spell สะกดตัว misspell สะกดตัวผิด
- –Pre (ก่อน) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม (Noun) หรือกริยา (verb)
เมื่อเติมแล้วทำให้นามนั้นมีความหมายว่า “ก่อน , หรือทำก่อน”
เช่น history ประวัติศาสตร์ prehistory ก่อนประวัติศาสตร์
university มหาวิทยาลัย preuniversity ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
- –Tri (สาม) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม tri เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “สาม” ขึ้นมาทันที
เช่น คำเดิม คำแปล เติมอุปสรรค tri แล้ว คำแปล angle เหลี่ยม triangle
รูปสามเหลี่ยมcycle จักรยาน tricycle รถสามล้อ
- –Bi (สอง) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม bi เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมาย“สอง”ขึ้นมาทันที
เช่น cycle จักรยาน bicycle จักรยานสองล้อ
polar ขั้วโลก bipolar มีสองขั้วโลก
10. –En อุปสรรคตัวนี้ไม่มีคำแปลเป็นเอกเทศ เพียงแต่ว่าเมื่อนำไปเติมข้างหน้าคำนาม
หรือคำคุณศัพท์แล้วทำให้คำนั้นกลับเป็นกริยา (verb) ขึ้นมาทันที
เช่น camp ค่ายพัก encamp ตั้งค่าย
sure แน่ใจ ensure รับประกัน
Reading
ส่วนที่เป็นการอ่านสื่อต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ข้อความจากหนังสือพิมพ์ , พจนานุกรม , แผนภูมิ , ตาราง ,การพยากรณ์อากาศ , ฉลากยา เป็นต้น การอ่านข้อความประเภทนี้ ต้องใช้ทักษะการอ่านแบบ skim คือ การกวาดตาอย่างเร็วๆ เพื่อดูข้อมูลทั่วๆไป และ scan คือการกวาดตาอย่างเร็วๆ เพื่อหาจุดมุ่งหมายที่ต้องการ
ส่วนที่สอง เป็นการอ่านเนื้อเรื่องความยาวประมาณ 10-20 บรรทัด แต่ละเรื่องจะมีคำถามเรื่องละ 6-9 ข้อ ขึ้นอยู่กับความยาวและความยากง่ายของเนื้อเรื่อง คำถามที่จะปรากฏอยู่ในข้อสอบอ่าน จะมีคำถามหลักดังนี้
1. ถาม title หรือ topic (ชื่อเรื่อง) , main idea (ความคิดหลักของเรื่อง) วิธีการตอบคำถามประเภทนี้สามารถใช้เทคนิคในกรหาคำตอบได้ดังนี้
– ใช้วิธี skim และ scan คือการกวาดตาอย่างรวดเร็ว เพื่อหาคำซ้ำๆ ในเรื่อง ซึ่งเป็นคำที่ซ้ำๆ ที่อยู่ในกลุ่มคำที่น่าจะสัมพันธ์กัน นำมาประมวลรวมกันเพื่อรวมเป็นหัวเรื่องหรือแนวคิดหลักของเรื่อง
– ถ้าเนื้องเรื่องที่อ่านมีเพียง 1-2 ย่อหน้า ให้อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าแรก เพราะปะโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า มักจะเป็นประโยคที่มี main idea แล้วนำประโยคที่อ่านมาประมวลความคิด เพื่อหาความคิดหลักของเรื่อง
ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีตั้งแต่ 3 ย่อหน้าขึ้นไป ให้อ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย เพราะย่อหน้าแรกมักจะเป็นคำนำ และย่อหน้าสุดท้ายมักจะเป็นสรุป ซึ่งจะทำให้เราสามารถจับใจความหลักของเนื้อเรื่องที่เราอ่านได้
ครูขอให้จำไว้เสมอว่า title , topic หรือ main idea ของเรื่องจะต้องไม่กว้างมากเกินไปหรือไม่แคบเกินไป ถ้าครูจะเปรียบความคิดหลักของเรื่องก็คล้ายๆ กับฝาชี เรามีฝาชีไว้ครอบจานอาหาร ฝาชีนั้นต้องครอบอาหารได้ทุกจาน ไม่มีจานใดจานหนึ่งเล็ดลอดออกมา ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เช่น ถ้าเราจับได้ว่าคำซ้ำๆ กันในเนื้อเรื่องคือ tiger , leopard , zebra , hare, snake ดังนั้น title หรือ topic ก็ควรจะเป็น wild animals ถ้าเราเลือก animal เฉยๆ ก็มักจะกว้างเกินไป จริงไหมคะ
2. ถาม pronoun reference นั่นก็คือคำถามประเภท it line ..refers to . คิดว่าคงเคยเจอบ่อยๆ เลยใช่ไหมคะ เทคนิคการทำข้อสอบประเภทนี้มี 2 วิธีค่ะ คือ
– ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท เช่น he , she , they , we , this , that , there , these , those , one , such , the above เราต้องใช้วิธีการ backward คือ ถอยหลังกลับไปอ่านในประโยคก่อนหน้านี้ 1-2 ประโยค ถ้าไม่เจออาจจะถอยไปประโยคที่ 3 แต่โอกาสที่จะถอยไป 3 ประโยค หรือเกินกว่านี้มีน้อยมากค่ะ เพราะตามหลักของการเขียนจะไม่อ้างอิงหลายประโยค เพราะอาจทำให้ผู้อ่านสับสน
– ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท เช่น the following , as follows , bello , like , in this following เราต้องใช้วิธีการ forward คือ อ่านต่อไปอีก 1-2 ประโยค ก็จะได้คำตอบค่ะ
– ถ้าข้อสอบถามถึง it ให้ดูให้ดีว่า it ตัวนี้จะใช้วิธี backward หรือ forward ครูขอให้นักเรียนสังเกตอย่างนี้นะคะ ถ้าโจทย์ให้ประโยคแบบ it + to be (is , am , are , was , were) + adj. + to V. เช่น It is dangerous to use this drug. ให้ใช้วิธี forward คือ เดินหน้ามาจาก it คำตอบก็คือ to V. ในที่นี้ก็คือ to use this drug. เพราะประโยคแบบนี้เป็นการ Rewrite มาจาก To use drug is dangerous. แล้วเราก็เอา it มาแทน subject ของประโยค คือ To use drug
SUFFIXES
suffix (ซับ-ฟิกซฺ) คือ ส่วนประกอบหลังคำหลัก สำหรับ suffix นั้นเปรียบเสมือนกาฝากที่จะต้องเกาะอยู่กับคำหลัก ถือว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งทางด้าน ไวยากรณ์ของคำ (a word’s grammatical ending) เพราะเป็นตัวการที่ทำให้หน้าที่ของคำหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไป
คำหลัก เมื่อเติม suffix
write (v.) writer (n.)
good (n.) goodness (n.)
modem (adj.) modernize (v.)
beauty (n.) beautiful (adj.)
wide (adj.) widen (v.)
suffixes มีหลายซนิด ได้แก่ suffixes ที่ทำให้หน้าที่ของคำหลักเดิมเปลี่ยนไปดังนี้
1. Nouns → Noun suffixes หมายถึง คำหลักเดิมเป็นนาม เมื่อเติม
suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไป ก็ทำให้เป็นคำนามเช่นกัน
2. Verbs → Noun suffixes หมายถึง คำหลักเดิมเป็นกริยา เมื่อเติม suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไป ก็ทำให้เป็นคำนาม
3. Nouns/Adjectives → Noun/Adjective suffixes หมายถึง คำ หลักเดิมเป็นนามหรือคุณศัพท์ เมื่อเติม suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไป ก็ทำให้เป็นนาม หรือคุณศัพท์
4. Adjectives→Noun suffixes หมายถึง คำหลักเดิมเป็นคุณศัพท์ เมื่อเติม suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไป จะทำให้เป็นนาม
5. Adjectives/Nouns → Verb suffixes หมายถึง คำหลักเดิมเป็น คุณศัพท์หรือนาม เมื่อเติม suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไปจะทำให้เป็นกริยา
6. Nouns→Adjective suffixes หมายถึง คำหลักเดิมเป็นนาม เมื่อเติม suffixes ในกลุ่มนี้เข้าไป จะทำให้เป็นคุณศัพท์
ต่อไปนี้ จะขอกล่าวถึง suffixes แต่ละชนิดที่กล่าวมา
1. Nouns → Noun Suffixes
2. คำกริยาคำนามคำต่อท้าย→
3. คำนาม / คำคุณศัพท์→คำนาม / คำคุณศัพท์คำต่อท้าย
4. คำคุณศัพท์→นามต่อท้าย
5. Adjective / คำนามคำกริยาคำต่อท้าย→
6. คำนามคำคุณศัพท์คำต่อท้าย→
Subject-Verb Agreement
ข้อตกลงเรื่องคำกริยา
เวลาเขียนประโยคแต่ละครั้งสิ่งที่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ การเลือกคำกริยาให้สอดคล้องกับประธานเพราะเราเกิดไม่แน่ใจขึ้นมาว่าประธานของประโยคเขานับเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ แล้วกฎของมันก็แยกย่อยออกมาเยอะแยะมากมายจำกันไม่หมดเลยทีเดียว มาดูกันทีละข้อเลยค่ะ
1. มาดูกฎเบสิคกันก่อนเลย ถ้าประธานเป็นเอกพจน์คือมีหนึ่งเดียว กริยาเป็นเอกพจน์ และถ้าประธานมีหลายคนหรือหลายสิ่ง กริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์ไปตามระเบียบ
เช่น
- ห้องพักนี้เป็นสำหรับแขกของเรา
- เด็กเหล่านี้อาศัยอยู่ใกล้บ้านของฉัน
2. ถ้าประธานมี 2 ตัว เชื่อมด้วย “and” ให้ถือเป็นประธานพหูพจน์ กริยาจึงต้องเป็นพหูพจน์ เช่น
- พี่ชายของฉันและฉันเป็นฝาแฝด
แต่!! ถ้าประธานที่เชื่อมด้วย “and” แต่เป็นสิ่งเดียวกันหรือเป็นหน่วยเดียวกัน ให้ถือเป็นเอกพจน์ และใช้กริยาเอกพจน์ เช่น
- Bread and butter is my favorite breakfast. (ขนมปังและแยมหรือขนมปังทาแยมมันคือของชิ้นเดียวกัน มันจึงเป็นเอกพจน์)
3. ประธานที่มีวลีหรือคำขยายต่อท้าย จะนับเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์นั้น ให้ดูประธานที่อยู่ข้างหน้าเป็นหลัก เช่น
- เด็กผู้ชายจำนวนมาก รวมถึงพี่ชายของฉันชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์
- แทมมี่ ร่วมกับครอบครัวของเธอได้ลิขสิทธิ์โต๊ะที่ร้านอาหารนี้
4. คำต่อไปนี้เมื่อเป็นประธานของประโยคให้ถือเป็นเอกพจน์
ใครทุกคนคน
ทุกคนทุกคนใครสักคน
อะไรทุกอย่างที่บางสิ่งบางอย่าง
ได้ทุกที่ทุกที่ไหนสักแห่ง
ในแต่ละ + เอกพจน์เอ็นเอ็น + ทั้งเอกพจน์ค่า + เอ็นเอกพจน์
แต่ละ + พหูพจน์ N. อย่างใดอย่างหนึ่งพหูพจน์ + N. ค่าของ + เอ็นพหูพจน์
เช่น
- ทุกคนเห็นด้วยกับแผนของคุณ
- แต่ละบทเรียนที่ใช้เวลาชั่วโมง
5. ประธานซึ่งเชื่อมด้วยคำต่อไปนี้ กริยาให้ถือตามประธานตัวหลัง
หรือไม่ … หรือ
อย่างใดอย่างหนึ่ง … .or ไม่เพียง แต่ยัง ……
เช่น
- ไม่เพียง แต่ จิม แต่ยัง เพื่อน ๆ ของเขา กำลัง จะมาถึงงานเลี้ยงคืนนี้
- ทั้ง นายกรัฐมนตรี หรือ ผู้แทนของเขา มี การเข้าร่วมประชุม
6. คำต่อไปนี้ถ้าใช้แทนคำนามนับได้ ถือเป็นพหูพจน์เสมอ
ทั้งหมดทั้ง (ก) ไม่กี่
severa หลายบาง
เช่น
- ทั้งหมด กำลังจะพลาดรถไฟ
- ไม่กี่ จะเข้าร่วมการประชุม
- หลายคน ได้รับเชิญไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่เพียงสิบสองปรากฏตัวขึ้น
7. มาถึงคิวของคำบอกปริมาณกันบ้าง มีเยอะแยะแยกเป็นกลุ่มได้ดังนี้ค่ะ
7.1 วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ถ้าตามด้วยนามเอกพจน์ กริยาต้องใช้เอกพจน์ ถ้าตามด้วยนามพหูพจน์กริยาต้องใช้พหูพจน์
จำนวนมากของความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดของบางส่วนของ
จำนวนทั้งหมดของไม่มีเปอร์เซ็นต์ของ
เช่น
- ผมคิดว่า จำนวนมากของ ภาษาอังกฤษ ไวน์ เป็น หวานเกินไป
- ความอุดมสมบูรณ์ของ คน อยู่ ในห้องพัก
7.2 วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ และกริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์ตามด้วย ซึ่งได้แก่คำว่า
จำนวนของจำนวนมาก
เป็นจำนวนมากหลายที่ดี
เป็นจำนวนมากของดีมาก
เช่น
- หมายเลข นักเรียนจะได้เล่นฟุตบอล
- จำนวนมากของ นักท่องเที่ยวได้หายไปเพราะสัญญาณว่า
7.3 วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ เมื่อใช้กับนามนับไม่ได้ กริยาต้องใช้รูปเอกพจน์ตลอดไป
มากเป็นจำนวนมากของ
การจัดการที่ดีของจำนวนมากของการ
จัดการที่ดีของปริมาณมาก
เช่น
- จำนวนมากของ เงิน ที่ถูก ขโมยมาจากธนาคาร
8. ประธานที่ขึ้นต้นด้วย Infinitive Phrase (วลีที่นำหน้าด้วย to) หรือ gerund (Ving) ถือว่าเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นรูปเอกพจน์
เช่น
- ที่จะได้รับการขึ้นต้น เป็นนิสัยของฉัน
- ว่ายน้ำ เป็นกีฬาที่ชื่นชอบ
9. ประโยคที่มี who, which, that เป็น Relative Pronoun กริยาของ Relative Pronoun จะใช้รูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ยึดตามคำที่มันแทนซึ่งอยู่ข้างหน้า
เช่น
- นักเรียนที่กำลังพยายามอย่างหนักที่จะผ่านการสอบ (ซึ่งนักเรียน =)
- ผู้หญิงคนนั้น ที่สวม ชุดสีชมพูเป็นน้องสาวของฉัน (ซึ่งสาว =)
10. จำนวนเงินหรือมาตราต่างๆ ถือเป็นเอกพจน์
เช่น
- สองหมื่น บาท คือ สูงเกินไปสำหรับกล้องถ่ายรูปนี้
- สองร้อย ไมล์ เป็น ทางยาว
11. เศษส่วนของคำนามพหูพจน์ ใช้กริยาเป็นพหูพจน์ เศษส่วนของคำนามเอกพจน์ ใช้กริยาเป็นเอกพจน์
เช่น
- สองในสาม ของ เด็กผู้ชาย ที่มี ขาด
- สองในสาม ของ ผนัง ได้ รับการทาสี
ขอขอบคุณขอมูลจาก
- http://www.sopon.ac.th/sopon/english/PRONOUNS/INDEX/Relative%20%20Pronouns.htm
- http://www.oxbridge.in.th/grammar-tips/prefix
- http://www.vcharkarn.com/varticle/40099
- http://www.engisfun.com/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-suffixes/
- http://www.pasaangkit.com/subject-verb-agreement/