แนะแนว

software1.png

ความหมายของการแนะแนว

การแนะแนว หมายถึง กระบวนการทางการศึกษาที่ช่วยให้ บุคคลรู้จัก และเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ปฏิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

การแนะแนวไม่ใช่การแนะนำ อาจกล่าวได้ว่าการแนะแนวเป็นการช่วยเหลือ ให้เขาสามารถช่วยตนเองได้

ความสำคัญของการแนะแนว

จุดหมายของการแนะแนว คือการป้องกันปัญหา แก้ไขพฤติกรรมทุกอย่างที่ผิดปกติและการพัฒนาให้ทุกคนไปสู่จุดหมายของชีวิตที่ต้องการ

ความสำคัญของการแนะแนว

กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียน ให้เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิงพหุปัญญา และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ซึ่งครูแนะแนวทุกคนต้องทำหน้าที่แนะแนว ให้คำปรึกษาด้านชีวิต การศึกษาต่อ และการพัฒนาตนเองสู่โลกอาชีพและการมีงานทำ

กิจกรรมแนะแนว ถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด เป็นกิจกรรมที่จัดให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถของตนเองตามศักยภาพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี และมีความสุข

หน้าที่และหลักการแนะแนว ปรัชญาของการแนะแนว

  1. บุคคลแต่ละคนย่อมมีความแตกต่าง
  2. มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงยิ่ง
  3. บุคคลย่อมมีศักดิ์ศรีและศักยภาพประจำตัว
  4. บุคคลแต่ละคนย่อมต้องการความช่วยเหลือ
  5. บุคคลจะมีความสุขเมื่อได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ในด้านต่าง ๆ
  6. พฤติกรรมทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ

หลักการสำคัญของการแนะแนว

การจัดกิจกรรมแนะแนวจะต้องจัดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ การที่จะให้งานบริการแนะแนวบรรลุวัตถุประสงค์ได้นั้น จำเป็นจะต้องคำนึงถึงหลักการแนะแนวที่มีการวางแผนการดำเนินงานให้เหมาะสม ดังนั้นอาจารย์แนะแนวจึงควรยึดถือหลักการสำคัญของการจัดกิจกรรมแนะแนว เพื่อเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. การแนะแนวเป็นบริการที่ต้องจัดให้กับบุคคลทุกคนไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาที่มีปัญหาเท่านั้น

2.การแนะแนวตั้งอยู่บนรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและคุณค่าของแต่ละคนและยอมรับในสิทธิส่วนตัวใน         การตัดสินใจที่จะเลือกทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

  1. การแนะแนวเป็นกระบวนการเกี่ยวกับการศึกษาที่ต้องปฏิบัติต่อเนื่องกันและเป็นไปตามลำดับขั้น
  2. การแนะแนวจะต้องเกิดจากความร่วมมือไม่ใช่การบังคับ
  3. การแนะแนวเน้นในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล
  4. การแนะแนวเน้นในเรื่องของการเข้าใจตนเอง การตัดสินใจด้วยตนเอง และการปรับตัว ด้วยตนเอง
  5. การแนะแนวเน้นในเรื่องการป้องกันปัญหามากกว่าการแก้ไขปัญหา
  6. การแนะแนวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางการศึกษา
  7. การแนะแนวที่มีประสิทธิภาพจะต้องเกิดจากความร่วมมือ และความเต็มใจของบุคลากร ทุกฝ่ายในมหาวิทยาลัย และนักศึกษาผู้มารับบริการ

10.การแนะแนวจะต้องจัดบริการให้ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ (1) การแนะแนวการศึกษา (2) การแนะแนว               อาชีพ (3) การแนะแนวส่วนตัวและสังคม

 ประโยชน์ของการแนะแนว

  1. ประโยชน์แก่ผู้ปกครองหรือบิดามารดา
    1.1 ได้รับรู้และเข้าใจสถานภาพทางการเรียนของบุตรหลานของท่าน เมื่อท่านได้มีโอกาสปรึกษาหารือกับครูแนะแนว
    1.2 ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสที่บุตรหลานของท่านจะได้เรียนต่อหรือออกไปประกอบอาชีพ
    1.3 รับรู้และเข้าใจสภาพปัญหาของเด็กวัยรุ่นเพื่อจะได้ให้ความร่วมมือกับโรงเรียนในการปรับปรุงพฤติกรรมของบุตรหลานของท่านต่อไป
  2. ประโยชน์ต่อนักเรียน
    2.1 ช่วยให้นักเรียนรู้จักตนเองดีขึ้นและสามารถปรับปรุงตนเองในด้านการเรียน สังคมอารมณ์และสติปัญญา
    2.2 ช่วยให้นักเรียนตัดสินใจได้ด้วยตนเองอย่างฉลาดและมีเหตุผล
    2.3 ช่วยให้นักเรียนเข้าใจสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ปัญหาเพื่อสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายและอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
  3. ประโยชน์แก่ครู
    3.1 ช่วยครูให้เข้าใจถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหารวมทั้งหาวิธีแก้ปัญหานั้น
    3.2 ช่วยครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของนักเรียน
    3.3 ช่วยครูในการศึกษานักเรียนทำให้รู้จักนักเรียนดีขึ้น
  4. ประโยชน์แก่โรงเรียน
    4.1 ช่วยโรงเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของนักเรียน
    4.2 ช่วยลดปัญหาต่าง ๆ เช่นปัญหานักเรียนเรียนไม่จบหลักสูตร หรือปัญหานักเรียนเรียนอ่อน หรือหนีเรียน เป็นต้น

 ขอบข่ายของการจัดบริการแนะแนว

  1. การแนะแนวการศึกษาซึ่งมีขอบข่ายงานตั้งแต่ การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียน การฝึกทักษะหรือเทคนิคการเรียนที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนการเรียนที่ดี การรู้ช่องทางการศึกษาและการเลือกทางศึกษาต่อ ตลอดทั้งการสร้างนิสัยเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.การแนะแนวศึกษาต่อด้านอาชีพ ซึ่งมีขอบข่ายงานตั้งแต่การสร้างเจตคติที่ดีต่อการทำงานและการประกอบ              อาชีพ การสร้างความตระหนัก รับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ การสำรวจอาชีพ การตัดสินใจ                และวางแผนด้านอาชีพ การเตรียมตัวเพื่ออาชีพ การเข้าสู่อาชีพและการพัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้าใน                อาชีพ ตลอดทั้งการปรับตนในการทำงาน การเปลี่ยนงานและเกษียณจากงาน

  1. การแนะแนวส่วนตัวและสังคมซึ่งมีขอบข่ายงานตั้งแต่การรู้จักชีวิตและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรู้จักตนเองและรู้คุณค่าของตน การรู้จักปรับตัวและแก้ปัญหา การพัฒนาตนเอง การฝึกทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม เพื่อให้บุคลิกภาพ สุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี

งานบริการแนะแนว

1.บริการรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล(Individual Inventory Service)
เป็นบุริการที่จำเป็นพื้นฐานในการที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียนได้ถูกต้อง เพราะจะทำให้ได้ทราบปัญหา หรือข้อบกพร่องในตัวนักเรียน เพื่อดำเนินการแก้ไขได้ถูกต้องและนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาเป็นองค์ประกอบในการจัดบริการอื่น ๆ ต่อไป งานบริการด้านนี้ได้แก่
– บันทึกประวัตินักเรียนทุกคนไว้ในระเบียนสะสม
– บริการข้อมูลแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง
– ทดสอบความถนัด ความสนใจของนักเรียน
– สำรวจพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียน

2.บริการสนเทศ (Information Service)
บริการสนเทศให้ความรู้ ข่าวสารต่าง ๆ ทั้งทางด้านการศึกษา การเลือกอาชีพ และการปรับตัวเข้ากับสังคม บริการสนเทศ จะให้ความรู้ข่าวสารนอกเหนือจากการเรียน ช่วยให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น บริการสนเทศ นอกจากจะให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับนักเรียนแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจที่จะวางแผนการในชีวิต และวางจุดประสงค์ที่จะช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่ออาชีพต่าง ๆ รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นและสนใจในการปฏิบัติงาน นอกจากนั้น บริการสนเทศยังส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ อย่างถูกต้องและเป็นไปตามหลักของธรรมชาติ บริการให้ความรู้แก่นักเรียนในหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ รู้จักตัดสินใจ และวางแผนอนาคตอย่างฉลาด ได้แก่
– การจัดสอนให้ความรู้ต่าง ๆ ในคาบกิจกรรมแนะแนว
– การจัดป้ายนิเทศ
– การจัดทำเอกสารที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน
– การจัดอภิปราย บรรยาย ให้ความรู้ในด้านการศึกษาอาชีพ และการปรับตัวในสังคม
– การจัดวันอาชีพ
– การจัดสัปดาห์แนะแนวทางศึกษาต่อ
– การจัดฉายภาพยนตร์ วีดีโอ สไลด์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
– จัดปฐมนิเทศ และปัจฉิมนิเทศ

บริการสนเทศ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

1. บริการสนเทศทางการศึกษา (Educational Information)
2. บริการสนเทศทางอาชีพ (Occupational Information)
3. บริการสนเทศทางด้านส่วนตัวและสังคม (Personal Information

3.บริการให้คำปรึกษา (Counseling Service)

เป็นบริการที่นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของงานแนะแนว โดยเฉพาะการเรียนการสอนตามหลักสูตรใหม่ และในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมยุคปัจจุบัน งานบริการในด้านนี้ คือ
– ให้คำปรึกษานักเรียนที่มีปัญหาด้านส่วนตัว การเรียน และอาชีพ
– ศึกษาและหาทางช่วยให้นักเรียนแก้ปัญหาของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
– เสนอแนะแนวทางปฏิบัติตน เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพ
บริการให้คำปรึกษาจะช่วยผ่อนคลายความเครียดในจิตใจของนักเรียนและผู้ปกครองโดย อาจารย์แนะแนวมีจรรยาบรรณที่จะ “รักษาความลับของนักเรียน” ฉะนั้นการเข้าไปคุยกับครูแนะแนวจึงเป็นเรื่องที่เด็กฉลาดควรทำ ไม่ควรคิดผิด ๆ ว่า”เฉพาะเด็กที่มีปัญหาเท่านั้นที่จะเข้าห้องแนะแนว” อาจารย์แนะแนวพร้อมที่จะเป็นคู่คิด เป็นที่ปรึกษาทั้งการเลือกวิชาเรียนการศึกษาต่อ การหางานทำ หรือปัญหาส่วนตัว งานแนะแนวยินดีช่วยนักเรียนเสมอ จุดมุ่งหมายของการให้คำปรึกษา
– ช่วยให้บุคคลมีความรู้สึกว่าตนเองไม่โดดเดี่ยวเมื่อเกิดปัญหา
– ช่วยทำให้บุคคลสามารถรู้จักและเข้าใจตนเองงได้อย่างถูกต้อง
– ช่วยให้บุคคลรู้จักใช้ความคิด ใช้สติปัญญาที่มีทั้งหมดนำไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา
– ช่วยให้บุคคลเกิดความกระจ่างขึ้นในใจ มองเห็นลู่ทางในการแก้ไขปัญหา
– ช่วยให้บุคคลเห็นถึงความสำคัญ และประโยชน์ที่จะได้รับจากบริการแนะแนว
– ช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้
– ช่วยให้บุคคลรู้จักความอดทน เสียสละ ยอมรับต่อสภาวการณ์ที่แท้จริง
– ช่วยให้บุคคลมีการพัฒนาการ และเจริญงอกงามไปถึงขีดสูงสุด

หลักของการให้คำปรึกษา

– การให้คำปรึกษาจะต้องกระทำไปโดยความสมัครใจของผู้มาขอรับคำปรึกษา
– ผู้ให้คำปรึกษาต้องมีความรู้ ผ่านการอบรมมีประสบการณ์และฝึกฝนเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา
– ผู้ให้คำปรึกษาช่วยให้ผู้มาขอรับคำปรึกษาเข้าใจตนเองและรู้จักตนเอง
– ผู้ให้คำปรึกษาต้องสามารถเข้าใจว่าปัญหาทุกอย่างไม่สามารถแยกออกจากปัญหาอื่นๆได้ อาจต้องมีความสัมพันธ์กัน
– การให้คำปรึกษาต้องเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
– การให้คำปรึกษาต้องยึดหลักในการให้บุคคลสามารถปรับตัวได้

วิธีการให้คำปรึกษา
การให้คำปรึกษาแบ่งออกเป็น 3 วิธี คือ

– การให้คำปรึกษาแบบนำทาง
– การให้คำปรึกษาแบบไม่นำทาง
– การให้คำปรึกษาแบบสายกลาง
การให้คำปรึกษาแบบนำทาง จะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ผู้ให้คำปรึกษามีส่วยสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อปัญหาของเด็กโดยตรง การให้คำปรึกษาแบบนำทาง เป็นวิธีการที่ผู้ให้คำปรึกษาทำหน้าที่วางแนวทาง ชี้แนะแนวทาง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาให้จบสิ้นลงด้วยดี
การให้คำปรึกษาแบบไม่นำทาง เป็นวิธีการที่ผู้มาขอรับคำปรึกษาจะเป็นผู้ไปขอคำปรึกษาด้วยความสมัครใจไม่มีบุคคลใดบังคับหรือส่งตัวไปโดยที่เขาไม่สมัครใจ การให้คำปรึกษาแบบนี้จะให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ปรับตัวไม่ได้ แต่มีความกระตือรือร้น หรือต้องการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตนเอง
การให้คำปรึกษาแบบสายกลาง เป็นที่ยอบรับของบุคคลทั่งไป ทั้งนี้เพราะการให้คำปรึกษาโดยวิธีนี้เป็นการยืดหยุ่นกว่า ไม่ควรจะยึดแนวทางในการให้คำปรึกษาแบบนำทางหรือแบบไม่นำทางเป็นหลัก การให้คำปรึกษาแบบสายกลางเน้นว่าการให้คำปรึกษาที่ดีควรจะนำวิธีการทั้งสองอย่างเข้ามาใช้ เพราะการให้คำปรึกษาบางอย่าง ผู้ให้คำปรึกษาต้องมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น ช่วยวางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาไปในทางที่ถูกต้องถ้าไม่ให้ความช่วยเหลือแล้ว การให้คำปรึกษาอาจจะล้มเหลวได้

4.บริการจัดวางตัวบุคคล

การจัดวางตัวบุคคลเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับบริการต่าง ๆ ข้างต้น เป็นการวางตัวบุคคลให้เหมาะสมกับงานตามที่คัดเลือก เป็นบริการที่ช่วยให้บุคคลได้เรียนตามวิชาที่ตนเองชอบ ช่วยให้มีโอกาสเรียนและประกอบอาชีพตรงตามความสามารถของตนเอง เป็นบริการที่จัดขึ้นช่วยเหลือนักเรียนทั้งที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนและสำเร็จการศึกษาไปแล้ว

ประโยชน์ของการจัดวางตัวบุคคล มีดังนี้

– ช่วยให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนวิชาที่เหมาะสมตามความสามารถ
– ช่วยให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรตามความสามารถของตนเอง
– ช่วยให้นักเรียนใช้เวลาว่างทำงานพิเศษตามทที่ตนถนัด
– ช่วยให้นักเรียนที่ขาดแคลนมีโอกาสทำงานพิเศษที่ตนเองชอบนอกเวลาเรียน
– ช่วยให้นักเรียนได้เลือกอาชีพตามความถนัดของตนเอง
– ช่วยให้นักเรียนที่สำเร็จไปแล้วมีโอกาสได้รับผลสำเร็จ
– ช่วยให้นักเรียนได้รับการประคับประคอง ทำให้เด็กเกิดความมั่นใจ
– ช่วยให้นักเรียนดำเนินแผนการต่างๆ ที่วางแผนไว้

ประเภทของการจัดวางตัวบุคคล

– การจัดวางตัวบุคคลทางด้านการศึกษา
– การจัดวางตัวบุคคลในด้านอาชีพ
การจัดวางตัวบุคคลทางด้านการศึกษา

การบริการจัดวางด้านการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

– การจัดวางตัวนักเรียนภายในโรงเรียน
– การจัดวางตัวนักเรียนภายนอกโรงเรียน

การจัดวางตัวนักเรียนภายในโรงเรียน

– ช่วยจัดวางตัวนักเรียนให้เลือกวิชาเรียนตามวามถนัด เช่น หลักสูตรมัธยมศึกษา 4-5-6 ซึ่งนักเรียนต้องเป็นผู้พิจารณาว่าตนเองจะสามารถศึกษาเล่าเรียนในวิชาที่ตนเองเลือกประสบความสำเร็จหรือไม่
– ช่วยจัดวางตัวนักเรียนให้เรียนตรงตามหลักสูตร ต้องเลือกวิชาที่เป็นประโยชน์นักเรียนจะเป็นคนเลือกเอง
– ช่วยจัดวางตัวนักเรียนให้เลือกกิจกรรมเสริมลักสูตรที่ดีและมีคุณค่า เป็นการเสริมหลักสูตรทางด้านวิชาการให้มั่นคงยิ่งขึ้น
– ช่วยจัดวางตัวนักเรียนเข้าร่วมโครงการและจัดประสบการณ์ในการทำงาน เป็นการช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ
การจัดวางตัวนักเรียนภายนอกโรงเรียน
– เป็นการจัดวางตัวนักเรียนที่ออกไปทำงานนอกกโรงเรียนในระหว่างวันหยุด โดยจัดส่งไปทำกับบริษัทหรือห้างร้านต่างๆ
– ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้แนวทางในการปฏิบัติงานที่แท้จริงและจะได้เป็นแนวทางในการเลือกอาชีพ
การจัดวางตัวบุคคลทางด้านอาชีพ ควรให้บริการดังต่อไปนี้
– จักข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ
– ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกอาชีพ
– ให้นักเรียนมีโอกาสฝึกฝน และรู้จักการงานทที่ตนเองคิดว่าจะไปประกอบอาชีพในอนาคต

5.บริการติดตามผลประเมิน

บริการติดตามผล เป็นบริการสุดท้ายของบริการแนะแนว เป็นการติดตามดูว่าการจัดบริการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินไปแล้วนั้น ได้ผลมากน้อยเพียงใด นักเรียนที่ออกจากโรงเรียนไปแล้วนั้นทั้งจบการศึกษาและยังไม่จบการศึกษาประสบปัญหาอะไรบ้าง รวมทั้งการติดตามผลดูนักเรียนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนและจบการศึกษาไปแล้วว่าประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหรือไม่

วิธีการติดตามผล ทำได้ดังนี้

1. การสัมภาษณ์นักเรียนด้วยตนเอง เพื่อจะได้ทราบถึงผลของการช่วยเหลือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่เพียงใด
2. การสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดนักเรียน เช่น เพื่อนนักเรียน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง บิดามารดา เพื่อทราบถึงผลของการบริการ
3. การส่งแบบสอบถามไปยังนักเรียนที่จบการศึกษาไปแล้ว หรือนักเรียนในโรงเรียนกรอรแบบสอบถาม เพื่อจะได้ทราบผลของการให้บริการ

ด้านการศึกษา / อาชีพ / ส่วนตัว

งานแนะแนวเป็นงานบริการที่มุ่งให้ความช่วยเหลือนักศึกษาในด้านการพัฒนาตนเองโดยนำเอาความสามารถที่ตนเองมีอยู่มาใช้ในการพิจารณาอย่างมีเหตุผล สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ตลอดจนรู้ถึงวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุขในชีวิต การแนะแนวนั้นเกิดขึ้นมาจากปัญหาและความต้องการต่างๆอาจมีลักษณะสัมพันธ์กันจนแยกจากได้ยาก ซึ่งจะมีลักษณะปัญหา 3 ประการ ดังนี้

1.การแนะแนวการศึกษา (Educational Guidance)

การแนะแนวการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่วันแรกของนักศึกษาที่เข้าสู่สถานศึกษา และดำเนินไปจนถึงการสิ้นสุดการเรียนเพื่อไปประกอบอาชีพและการศึกษาต่อในระดับสูง ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ กิจกรรมช่วยเหลือนักศึกษาด้านการเรียน คือ การให้ข้อสนเทศทางการเรียนการศึกษาต่อ การทำงานเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน การติดต่อขอรับทุนทางการศึกษาวารสารและหนังสือทางราชการแนะแนวทางการศึกษา ประการที่สอง การช่วยเหลื่อนักศึกษาด้านการปรับตัว ส่งเสริมทางด้านสติปัญญา ตลอดจนความเข้าใจในเรื่องความสามารถของตนเองให้สามารถตัดสินใจเพื่อมุ่งความสำเร็จทางด้านการศึกษา ความสามารถทั่วไป ความถนัดเฉพาะ ค่านิยม การค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลและนักศึกษาที่มีแนวโน้มของความเคลื่อนไหวด้านพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

วัตถุประสงค์     

                 1. เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้รับข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับการเรียนและสามารถเข้าใจคุณสมบัติของบุคคลที่จะศึกษาต่อ
          2. เพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถปรับตนเองไห้เข้ากับการเรียนในแต่ละสาขาวิชา และวางแผนทางการศึกษาได้อย่างเหมาะสม

          วิธีการขอรับบริการ
          1. การติดตามผลจากระเบียนการเรียน
          2. การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคลและรายกลุ่มทางการศึกษา
          3. การใช้แบบสอบถามปัญหาเกี่ยวกับการเรียน โดยใช้วิธีการสอบถามนักศึกษาสอบถามอาจารย์ที่ปรึกษา
          4. การใช้แบบทดสอบความสมารถทางการเรียน
          5. การจัดระบบอาจารย์ที่ปรึกษาหรือชั่วโมงโฮมรูม
          6. การจัดแนะแนวหมู่โดยอภิปราย บรรยาย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการศึกษ

การแนะแนวอาชีพ(Vocational Guidance) 

การแนะเนวอาชีพเป็นการให้ความช่วยเหลือนักศึกษา เกี่ยวกับการวางแผนและการตัดสินการเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพที่เหมาะสมกับความสามารถ ความถนัด ความสนใจและสภาพร่างกายของตน รวมทั้งเป็นการให้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพและลักษณะของงาน คุณสมบัติที่จำเป็น การฝึกอบรมรายได้ สวัสดิการ ความมั่นคง ความก้าวหน้า สิ่งแวดล้อม ข้อดี ข้อเสีย การแสวงหางาน การสมัครงาน การปรับตัวให้เข้ากับงานและปฏิบัติตนให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

วัตถุประสงค์  

1. เพื่อช่วยให้นักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพต่างๆที่มีอยู่ในท้องถิ่น และในโลกกว้าง
          2. เพื่อให้ข้อมูลสารสนเทศแก่นักศึกษาเกี่ยวกับอาชีพที่นักศึกษาสนใจและเข้าใจในอาชีพนั้นๆอย่างลึกซึ้ง
          3. เพื่อช่วยให้นักศึกษารู้จักวิธีการแสวงหางาน วิธีการสมัครงาน วิธีปรับตัวให้เข้ากับงานและวิธีการปฏิบัติตนให้มีความเจริญก้าวหน้าในการทำงาน

 

 วิธีการขอรับบริการ 

                 1. การให้นักศึกษาทำแบบทดสอบต่างๆเพื่อดูความสามารถ จุดเด่น จุดด้อย จุดอ่อนหรือบุคลิกภาพของนักศึกษา เกี่ยวกับอาชีพ
          2. การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล และรายกลุ่มเกี่ยวกับอาชีพ
          3. การจัดให้มีสารสนเทศทางอาชีพ

 

การแนะแนวส่วนตัวและอาชีพ ( Personal – Social Guidance)                 

การแนะแนวส่วนตัวและสังคมเป็นการช่วยเหลือให้มีชีวิต หรือความเป็นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีความเจริญทั้งร่างกายและจิตใจ มีความเข้าใจตนเอง มีอารมณ์ที่มั่นคง มีความสามารถที่ปรับตัวให้เข้ากับสังคมร่วมกันอย่างมีความสุข รู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นหรือสังคมได้ มีความสามารถในการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีบุคลิกภาพที่เหมาะสม รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ทำให้การศึกษามีการพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะไม่เป็นบุคคลที่จะต้องดำเนินชีวิตด้วยตนเอง

          

วัตถุประสงค์                 

1. เพื่อให้นักศึกษาสามารถวางแผนชีวิตให้สอดคล้องกับจุดหมายของตนเองได้
          2. เพื่อช่วยพัฒนาความสามารถของนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอ เป็นไปในทางสร้างสรรค์ต่อการพัฒนาจุดหมายของชีวิต
          3. เพื่อช่วยให้นักศึกษามีความเจริญงอกงามในด้านความสามารถที่จะนำตนเองได้
          4. เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้เข้าใจสภาพสังคมซึ่งจะเป็นผลทำให้สามารถปฏิบัติตนได้ดีขึ้นในสังคมและสามารถอยู่ร่วมกันกับบุคคลอื่นได้อย่างมีความสุข

 

 วิธีการขอรับบริการ                 

1. การให้นักศึกษาทำแบบสอบถามหรือแบบสำรวจเพื่อให้รู้จักตนเองในด้านต่างๆเช่น ความสนใจ การตัดสินใจ ความต้องการและบุคลิกภาพ
          2. การรวบรวมข้อมูลรายบุคคลด้วยวิธีการต่างๆหลายวิธีอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆและจดบันทึกทุกครั้ง

 

วิดีโอ

 

ขอบคุณข้อมูลจากและวิดีโอ

 

 

stickerline-201412161604121